7 ข้อที่คนเริ่มทำแบรนด์ ต้องรู้
- nanniizriseacademy
- 18 ต.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 19 ต.ค. 2567

ใครที่อยากทำแบรนด์ หรือเพิ่งเริ่มทำต้องอ่านหัวข้อนี้เลยค่ะ เนื่องจากในปัจจุบันมีแบรนด์เกิดมาเยอะมากในท้องตลาด มีทั้งที่ปังและที่พัง ล้มลุกคลุกคลานกันมาเยอะ ลองมาดูว่าแบรนด์ที่ปัง ก่อนเริ่มขเขาทำการบ้านอะไรมาบ้าง แนนสรุปมาให้ฟังแล้วด้านล่างนี้เลยค่ะ
.
1.ดูสินค้าที่จะเอามาทำแบรนด์ก่อน
เลือกจากความถนัดและไลฟ์สไตล์ตัวเองก่อน เพราะถ้าทำจากความชอบเราจะอินและต่อยอดไปได้ง่ายและได้ไกล อันนี้เรื่องจริงมากกกกกกก แบรนด์เป็นเกมส์ยาว ต้องอยู่กับมันไปอีกนาน ถ้าไปหาสิ่งใหม่เลย เราอาจจะเบื่อและหมดไฟไปได้ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ทำ
ตัวอย่างสินค้า
ชอบออกกำลังกาย > อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า
เลี้ยงแมว > อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง
ชอบแต่งตัว > เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น
รักความสวย ความงาม > เครื่องสำอางค์ สกินแคร์
ชอบดูแลสุขภาพ > อาหารเสริม
ชอบแต่งรถ > อุปกรณ์แต่งรถ
ชอบปลูกต้นไม้ > อุปกรณ์ตกแต่งสวน ขายต้นไม้
และจริงๆ มีอีกหลายหมวดหมู่เยอะมากๆ วิธีสังเกตง่ายๆ เราแฮปปี้เวลาทำสิ่งไหน และทั้งวันขลุกอยู่กับสิ่งไหนมากที่สุดเอาสิ่งนั้นมาทำแบรนด์ บางคนคิดเยอะเกินไปมาก จนไม่ได้เริ่มสักที
และสินค้าที่เราสร้างแบรนด์ได้ ไม่ได้มีแค่อาหารเสริมสกินแคร์ มันมีอีกหลายประเภท หลายสินค้ามากที่สามารถนำมาทำแบรนด์ได้
2.ตั้งเป้าหมายให้แบรนด์
อันนี้เหมือนเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ แต่เราต้องทำ เพราะแบรนด์ที่มีเป้าหมายชัดเจน จะดึงดูดลูกค้าประเภทเดียวกับแบรนด์ คาแรกเตอร์เดียวกับแบรนด์เข้ามาเอง การตั้งเป้าหมายจะมี 4 ข้อ ที่เจ้าของแบรนด์ต้องตอบได้ก่อนจะเริ่มทำ
- แบรนด์ตั้งมาเพื่ออะไร ?
- แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่งยังไง ?
- แบรนด์ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้า ?
- ทำไมลูกค้าถึงเลือกแบรนด์ ?
พอตอบคำถามได้ 4 ข้อหลักๆ นี้ โลโก้ สโลแกน คาแรกเตอร์ บุคคลิก จุดขาย สตรอรี่ของแบรนด์ จะผุดขึ้นมาเอง สตรอรี่ของแบรนด์แรกๆ ถ้ายังนึกไม่ออก ควรทำไปเรื่อยๆก่อน เราจะเริ่มจับทางได้เอง ว่าควรเล่าเรื่องแบบไหน
3.ศึกษาคู่แข่ง
ไม่มีแบรนด์ไหนไม่มีคู่แข่งค่ะ เป็นเรื่องง่ายๆที่หลายคนรู้อยู่แล้ว แต่ที่ไม่รู้คือการทำอย่างไรให้ชนะเขา และช่วงชิงพื้นที่ทางการตลาดมาได้ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับแนนเลย คือการศึกษาคู่แข่งค่ะ ดังคำว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง"
วิธีการศึกษาที่ง่ายที่สุดก็ Shopee หรือ Google ค่ะ เสริชชื่อแบรนด์คู่แข่ง ดูหน้าร้าน ดูสินค้า แล้วย้อนมาดูการยิงโฆษณาใน Facebook หรือ Tiktok หลายแบรนด์ลืมศึกษาคู่แข่ง SWOT ตัวเอง และต้อง SWOT คู่แข่ง
SWOT ทำเพื่อให้เราเรียนรู้ทั้งจุดแข่งและจุดอ่อนของคู่แข่ง การไปสู้กับแบรนด์อื่นในด้านที่เป็นจุดแข็งของคู่แข่งเขาตรงๆ เลย และยิ่งคู่แข่งที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว แค่เรามาทีหลัง คิดจะเอาจุดแข็งชนจุดแข็งอย่างเดียว เราจะเหนื่อยมากที่ต้องวิ่งตามหลังเขา
สิ่งที่ควรต้องศึกษาคือ
จุดแข็ง/จุดอ่อน
ทำตารางเปรียบเทียบเลย ยิ่งเยอะยิ่งดี ขอ 4-5 แบรนด์อย่างต่ำ ถ้าไม่มีคู่แข่งทางตรง ใช้คู่แข่งทางอ้อมได้
ส่องรีวิวลูกค้าและฟีดแบ็คของแบรนด์อื่นๆ
ดูช่องการทำตลาดของแต่ละแบรนด์ Tiktok, IG, FB, Shopee, Lazada ส่องทุกช่องทาง ใน Facebook กดไปที่คลังโฆษณาหน้าเพจ จะรู้ได้เลยว่าแบรนด์ทำการตลาดขนาดไหน
หลายแบรนด์มาตกม้าตายเพราะไม่ได้ศึกษาคู่แข่ง ก้อปปี้เขามาทั้งหมดทั้งสินค้า ทั้งจุดแข็ง จุดขาย สโลแกน แบบนี้ลูกค้าอาจจะเลือกเจ้าแรกที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว จะยากมากถ้าจะปั้นแบรนด์ให้ปัง ถ้าเราไม่ได้มีงบสูงๆ เพราะฉะนั้นการศึกษาคู่แข่งจึงสำคัญ เอาจุดอ่อนคู่แข่งมาทำเป็นจุดขายหรือจุดแข็งเราได้จะดีมาก
เชื่อไหม ทำแบบนี้สักพักคู่แข่งจะเริ่มกลัวเราเลย เพราะเหมือนเรารู้จุดอ่อนเขา ;)

4.รู้จักและรู้ใจกลุ่มเป้าหมาย
หนึ่งสินค้าไม่ได้ทำมาเพื่อตอบโจทย์ทุกคน ขนาดทิชชู่เป็นของที่ต้องมีทุกบ้าน เวลาตัดสินใจเลือกซื้อ ยังเลือกซื้อยี่ห้อต่างกันเลย เพราะฉะนั้นย้อนกลับไปข้อ 2 เราวางคอนเซปต์แบรนด์แบบไหน เราจะได้ลูกค้าแบบนั้น การรู้ใจลูกค้าจะทำให้เราส่งสารตรงไปถึงลูกค้าได้มากขึ้น ข้อนี้การทำ persona จะทำให้เรารู้จักลูกค้าได้มากขึ้น
5.วาง segment และ positioning ของแบรนด์
อย่าลืมวาง segment และ positioning ของแบรนด์ ว่าอยู่จุดไหนและวางโครงสร้างราคาขายให้กับสินค้า ควรบวกค่าการตลาดเข้าไปด้วย บางคนคิดแค่ต้นทุน + ค่าบริหารต่างๆ ลืมคิดค่าการตลาด
สุดท้าย ทำให้งบการตลาดหายไปเรื่อยๆ ไม่ได้กลับคืนมา แต่จริงๆ ควรจะเป็น
ทุนสินค้า + ค่าการตลาด + ค่าบริหารต่างๆ เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าวางแบรนด์ดี ลูกค้าจะเป็นคนจ่ายค่าการตลาดคืนกลับมาให้เราเอง
6.ศึกษาช่องทางการขายให้ดี
อย่าลืมคำนึงถึงช่องทางขายว่าสินค้าเราเหมาะกับช่องทางไหน คนซื้อของทุกแพลตฟอร์ม แต่ลูกค้าจะเลือกแพลตฟอร์มที่ถูกจริตกับตัวเอง บางคนชอบแชท บางคนชอบโปรโมชั่น บางคนชอบโค้ดต่างๆ บางคนชอบความไม่ซับซ้อน ในช่วงเริ่มแรกเลือกช่องทางหลักมา 1 ช่องทางก่อน ช่องทางอื่นๆ สร้างไว้เพื่อรองรับและสร้างการรับรู้ให้ลูกค้า เลือกหมดทุกช่องทางในตอนแรกเราจะพังเอา โฟกัสให้ติดสักช่องทางก่อนแล้วลุยให้เต็มที่
7.บอกต่อและส่งสารออกไปให้เก่ง
เป็นเรื่องของการทำการตลาด การสื่อสาร การทำคอนเทนต์ว่าแบรนด์เราดียังไง จุดแข็ง แบบไหน จะสอดคล้องกับข้อ 2 ถ้าเขียนและทำไว้ตั้งแต่แรก จะทำคอนเทนต์ง่ายและไม่ตัน เช่น ถ้าขายถาดอาหารน้องแมว ต้องทำคอนเทนต์ ตั้งแต่ถาดนี้มันดียังไง นอกจากดีไซน์สวย น้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่าย วัสดุปลอดภัย ไม่หกเลอะเทอะ เราจะสามารถแตกคอนเทนต์แยกๆ ออกแต่ละหัวข้อได้เลย ให้ลูกค้าเห็นหลายๆ มิติ
ถ้าแบรนด์ติดแล้ว ลูกค้าถูกใจ เชื่อใจ และรักแบรนด์ เวลาที่จะเพิ่มสินค้าชิ้นที่ 2, 3, 4 เราไม่ต้องเหนื่อยวางคอนเซปต์ใหม่ทั้งหมด อ่านจบแล้วเริ่มลงมือทำได้เลยทันที ไม่ต้องรอคำว่าพร้อมก่อนค่อยทำ มีแค่ทำทันที





-01.png)



ขอบคุณค่ะ