ผลิตสินค้ามาแล้ว เอายังไงต่อดี ขายแบบไหน โพสต์นี้มีคำตอบ 📌
- nanniizriseacademy
- 25 ต.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
หลายคนคงมีคงมีคำถามอยู่ในใจ ว่าสินค้าผลิตมาแล้วจะทำยังไต่อ ต้องขายยังไง ขายแบบไหนไม่ให้ขาดทุน เมื่อผลิตสินค้ามาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนวิธีการขายและทำการตลาดเพื่อให้สินค้าของคุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีหลายแนวทางที่สามารถเลือกใช้เพื่อขายสินค้าได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ **ขายออนไลน์** และ **ขายออฟไลน์**
แต่ก่อนจะเริ่ม ควรเตรียมแผนการขายที่ชัดเจน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เตรียมกลยุทธ์การขาย
- วิเคราะห์ตลาด : ดูว่าใครคือคู่แข่งของคุณ และกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนคือใคร จากนั้นวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อทำให้สินค้าของคุณโดดเด่น
- กำหนดราคาขาย : ตรวจสอบต้นทุนสินค้าและเลือกตั้งราคาขายที่เหมาะสม คำนึงถึงกำไรที่ต้องการ รวมถึงการแข่งขันในตลาดด้วย
- สร้างความเป็นเอกลักษณ์ (USP) : อธิบายว่าสินค้าของคุณมีคุณสมบัติพิเศษอะไรที่ทำให้โดดเด่นกว่าสินค้าคู่แข่ง เช่น คุณภาพ, การใช้งาน, หรือการออกแบบ
2. ช่องทางการขายสินค้า
A. ขายสินค้าออนไลน์ การขายออนไลน์มีหลายช่องทางและเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายและต้นทุนต่ำ
ผ่าน Social Media
Facebook สร้างเพจธุรกิจเพื่อโปรโมทและขายสินค้า คุณสามารถโพสต์สินค้า โพสต์รีวิว และทำโฆษณาเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
Instagram เหมาะสำหรับสินค้าที่เน้นภาพลักษณ์ เช่น สินค้าแฟชั่น หรือสินค้าสวยงาม ใช้รูปภาพและวิดีโอที่สวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้า TikTok โปรโมทสินค้าผ่านวิดีโอสั้น ๆ เน้นการทำคอนเทนต์ที่สร้างความน่าสนใจ เช่น แนะนำวิธีใช้หรือรีวิว
ขายผ่าน Marketplace
Shopee และ Lazada: แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในการขายสินค้าออนไลน์ คุณสามารถเปิดร้านขายของและใช้ประโยชน์จากแคมเปญหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่แพลตฟอร์มจัดขึ้น
Amazon หรือ eBay: ถ้าคุณต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ การขายบนแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้ง่ายขึ้น
Line Shopping หรือ Line MyShop เป็นอีกช่องทางที่เหมาะกับการขายในประเทศไทย สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านแชทและจัดการการสั่งซื้อได้อย่างง่ายดาย
สร้างเว็บไซต์ของตัวเอง
การสร้างเว็บไซต์สำหรับแบรนด์ของคุณเองช่วยให้คุณควบคุมประสบการณ์การซื้อขายทั้งหมดได้ เช่น ข้อมูลสินค้า การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ และการตั้งร้านค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง **Shopify** หรือ **WooCommerce**
การโฆษณาออนไลน์ (Online Ads)
Facebook Ads แลInstagram Ads ลงโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น อายุ, เพศ, พื้นที่ หรือความสนใจ
Google Adsโปรโมทสินค้าผ่าน Google Search หรือ YouTube เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่ค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง
B. ขายสินค้าออฟไลน์ หากคุณต้องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบตัวต่อตัวหรือมีโอกาสให้ลูกค้าสัมผัสสินค้าจริง คุณสามารถเลือกใช้วิธีการขายออฟไลน์ได้
เปิดร้านค้าของตัวเอง ถ้าคุณมีสินค้าที่ต้องการให้ลูกค้าทดลองหรือสัมผัส เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือสินค้าที่ต้องมีการแนะนำ เปิดหน้าร้านเป็นทางเลือกที่ดี
ขายส่งให้กับร้านค้าอื่น ๆ ติดต่อร้านค้าที่มีชื่อเสียงหรือร้านที่มีเครือข่ายใหญ่ ๆ เพื่อวางสินค้าให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น
ตลาดนัดหรืองานอีเวนต์ ขายสินค้าในงานแฟร์หรืออีเวนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เช่น ตลาดนัด งานแฟชั่น หรือการจัดงานในห้างสรรพสินค้า
ฝากขาย (Consignment) วางสินค้าในร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven หรือ B2S โดยคุณสามารถแบ่งส่วนรายได้กับร้านค้าเหล่านั้น
3. การตลาดและการโปรโมท (Marketing) หลังจากเลือกช่องทางการขายแล้ว คุณต้องมีการโปรโมทเพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดลูกค้า
ทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เนื้อหาที่ให้คุณค่ากับลูกค้าหรือแสดงถึงคุณภาพสินค้า เช่น การทำวิดีโอสาธิตการใช้สินค้า, รีวิวจากลูกค้า, หรือการสร้างคู่มือ
โปรโมชั่นและส่วนลด เช่น การลดราคาสินค้า, ซื้อ 1 แถม 1, หรือให้คูปองส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่
ใช้ Influencers หรือ Bloggers จ้างบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคมออนไลน์หรือเว็บไซต์รีวิวเพื่อโปรโมทสินค้าของคุณให้กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง
SEO (Search Engine Optimization) สำหรับการขายออนไลน์ ควรปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มขายให้ติดอันดับในเครื่องมือค้นหา เพื่อเพิ่มการมองเห็นในเวลาที่ผู้คนค้นหาสินค้าที่เกี่ยวข้อง
4.การติดตามผลและการวิเคราะห์ (Tracking & Analytics) หลังจากเริ่มขายสินค้าแล้ว คุณควรติดตามผลการขายและปรับกลยุทธ์ตามผลลัพธ์:
ดูว่าสินค้าใดขายดีและสินค้าที่ไม่ค่อยได้ผล จากนั้นปรับเปลี่ยนวิธีการขายหรือโปรโมทให้สอดคล้องกับข้อมูล
ใช้เครื่องมืออย่าง **Google Analytics** หรือ **Facebook Insights** เพื่อดูพฤติกรรมลูกค้าและปรับการตลาดให้เหมาะสม
เมื่อมีกลยุทธ์และแผนการขายที่ชัดเจนแล้ว ค่อยมาโฟกัสส
1. สร้างช่องทางขายทุกช่องทาง ให้น้ำหนักช่องทางที่เราถนัดก่อนอันดับแรก
2. ถ่ายรูปฟุตเทจ เพื่อเตรียมทำคอนเทนต์
ถ้าเราแบรนด์เล็กๆ หรือ งบไม่เยอะ สามารถถ่ายเองหรือจ้างก็ได้
คอนเทนต์ปัจจุบันเน้น เรียลๆ เข้าถึงง่าย
3. ทำคอนเทนต์ หลากหลายรูปแบบยิ่งเยอะ ยิ่งดี ขั้นแรก 30 คอนเทนต์เป็นอย่างต่ำ
ทุกวันนี้ 1 คอนเทนต์ ไม่ช่วยให้ขายได้อีกต่อไป
ยิ่งเยอะ ยิ่งเห็นมุมมองหลากหลาย ยิ่งดี
4. ทำโฆษณา ใครงบน้อย สามารถ ทำออแกนิคได้แต่จะช้านิดนึง แต่ถ้าไวรัลขึ้นมา 1 คลิป เปลี่ยนชีวิตได้เลย เพราะฉะนั้นอย่ายอมแพ้
คนอื่นทำปังได้ เราก็ทำได้
5. ทำต่อเนื่อง อย่ายอมแพ้ ฟังฟีดแบ็คลูกค้าสม่ำๆเสมอ แล้วคอนเทนต์เราจะไม่ตันเลย
ยุคนี้ ยิงแอดเก่งไม่กลัว กลัวคอนเทนต์ แต่ต่อๆไป คอนเทนต์เก่งไม่กลัว กลัว Ai !
เครื่องมือช่วยเราทำคอนเทนต์เยอะมาก
ทำต่อเนื่องอย่าหยุด
การขายสินค้าให้ประสบความสำเร็จต้องใช้การผสมผสานระหว่างกลยุทธ์การขายที่หลากหลายและการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ





-01.png)




ความคิดเห็น