top of page

ผลิตสินค้ามาแล้ว เอายังไงต่อดี ขายแบบไหน โพสต์นี้มีคำตอบ 📌


ree

หลายคนคงมีคงมีคำถามอยู่ในใจ ว่าสินค้าผลิตมาแล้วจะทำยังไต่อ ต้องขายยังไง ขายแบบไหนไม่ให้ขาดทุน เมื่อผลิตสินค้ามาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนวิธีการขายและทำการตลาดเพื่อให้สินค้าของคุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีหลายแนวทางที่สามารถเลือกใช้เพื่อขายสินค้าได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ **ขายออนไลน์** และ **ขายออฟไลน์**


แต่ก่อนจะเริ่ม ควรเตรียมแผนการขายที่ชัดเจน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้


1. เตรียมกลยุทธ์การขาย


   - วิเคราะห์ตลาด : ดูว่าใครคือคู่แข่งของคุณ และกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนคือใคร จากนั้นวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อทำให้สินค้าของคุณโดดเด่น

   - กำหนดราคาขาย : ตรวจสอบต้นทุนสินค้าและเลือกตั้งราคาขายที่เหมาะสม คำนึงถึงกำไรที่ต้องการ รวมถึงการแข่งขันในตลาดด้วย

   - สร้างความเป็นเอกลักษณ์ (USP) : อธิบายว่าสินค้าของคุณมีคุณสมบัติพิเศษอะไรที่ทำให้โดดเด่นกว่าสินค้าคู่แข่ง เช่น คุณภาพ, การใช้งาน, หรือการออกแบบ


2. ช่องทางการขายสินค้า


A. ขายสินค้าออนไลน์ การขายออนไลน์มีหลายช่องทางและเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายและต้นทุนต่ำ

ผ่าน Social Media

  • Facebook สร้างเพจธุรกิจเพื่อโปรโมทและขายสินค้า คุณสามารถโพสต์สินค้า โพสต์รีวิว และทำโฆษณาเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

  • Instagram เหมาะสำหรับสินค้าที่เน้นภาพลักษณ์ เช่น สินค้าแฟชั่น หรือสินค้าสวยงาม ใช้รูปภาพและวิดีโอที่สวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้า TikTok โปรโมทสินค้าผ่านวิดีโอสั้น ๆ เน้นการทำคอนเทนต์ที่สร้างความน่าสนใจ เช่น แนะนำวิธีใช้หรือรีวิว

ขายผ่าน Marketplace

  • Shopee และ Lazada: แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในการขายสินค้าออนไลน์ คุณสามารถเปิดร้านขายของและใช้ประโยชน์จากแคมเปญหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่แพลตฟอร์มจัดขึ้น

  • Amazon หรือ eBay: ถ้าคุณต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ การขายบนแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้ง่ายขึ้น

  • Line Shopping หรือ Line MyShop เป็นอีกช่องทางที่เหมาะกับการขายในประเทศไทย สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านแชทและจัดการการสั่งซื้อได้อย่างง่ายดาย

สร้างเว็บไซต์ของตัวเอง

  •  การสร้างเว็บไซต์สำหรับแบรนด์ของคุณเองช่วยให้คุณควบคุมประสบการณ์การซื้อขายทั้งหมดได้ เช่น ข้อมูลสินค้า การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ และการตั้งร้านค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง **Shopify** หรือ **WooCommerce**

การโฆษณาออนไลน์ (Online Ads)

  • Facebook Ads แลInstagram Ads ลงโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น อายุ, เพศ, พื้นที่ หรือความสนใจ

  • Google Adsโปรโมทสินค้าผ่าน Google Search หรือ YouTube เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่ค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง


B. ขายสินค้าออฟไลน์ หากคุณต้องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบตัวต่อตัวหรือมีโอกาสให้ลูกค้าสัมผัสสินค้าจริง คุณสามารถเลือกใช้วิธีการขายออฟไลน์ได้

  • เปิดร้านค้าของตัวเอง ถ้าคุณมีสินค้าที่ต้องการให้ลูกค้าทดลองหรือสัมผัส เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือสินค้าที่ต้องมีการแนะนำ เปิดหน้าร้านเป็นทางเลือกที่ดี

  • ขายส่งให้กับร้านค้าอื่น ๆ ติดต่อร้านค้าที่มีชื่อเสียงหรือร้านที่มีเครือข่ายใหญ่ ๆ เพื่อวางสินค้าให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

  • ตลาดนัดหรืองานอีเวนต์ ขายสินค้าในงานแฟร์หรืออีเวนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เช่น ตลาดนัด งานแฟชั่น หรือการจัดงานในห้างสรรพสินค้า

  • ฝากขาย (Consignment) วางสินค้าในร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven หรือ B2S โดยคุณสามารถแบ่งส่วนรายได้กับร้านค้าเหล่านั้น


3. การตลาดและการโปรโมท (Marketing) หลังจากเลือกช่องทางการขายแล้ว คุณต้องมีการโปรโมทเพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดลูกค้า

   

  • ทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เนื้อหาที่ให้คุณค่ากับลูกค้าหรือแสดงถึงคุณภาพสินค้า เช่น การทำวิดีโอสาธิตการใช้สินค้า, รีวิวจากลูกค้า, หรือการสร้างคู่มือ

  • โปรโมชั่นและส่วนลด เช่น การลดราคาสินค้า, ซื้อ 1 แถม 1, หรือให้คูปองส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่

  • ใช้ Influencers หรือ Bloggers จ้างบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคมออนไลน์หรือเว็บไซต์รีวิวเพื่อโปรโมทสินค้าของคุณให้กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง

  • SEO (Search Engine Optimization) สำหรับการขายออนไลน์ ควรปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มขายให้ติดอันดับในเครื่องมือค้นหา เพื่อเพิ่มการมองเห็นในเวลาที่ผู้คนค้นหาสินค้าที่เกี่ยวข้อง


4.การติดตามผลและการวิเคราะห์ (Tracking & Analytics) หลังจากเริ่มขายสินค้าแล้ว คุณควรติดตามผลการขายและปรับกลยุทธ์ตามผลลัพธ์:

  • ดูว่าสินค้าใดขายดีและสินค้าที่ไม่ค่อยได้ผล จากนั้นปรับเปลี่ยนวิธีการขายหรือโปรโมทให้สอดคล้องกับข้อมูล

  • ใช้เครื่องมืออย่าง **Google Analytics** หรือ **Facebook Insights** เพื่อดูพฤติกรรมลูกค้าและปรับการตลาดให้เหมาะสม


เมื่อมีกลยุทธ์และแผนการขายที่ชัดเจนแล้ว ค่อยมาโฟกัสส

1. สร้างช่องทางขายทุกช่องทาง ให้น้ำหนักช่องทางที่เราถนัดก่อนอันดับแรก

2. ถ่ายรูปฟุตเทจ เพื่อเตรียมทำคอนเทนต์

ถ้าเราแบรนด์เล็กๆ หรือ งบไม่เยอะ สามารถถ่ายเองหรือจ้างก็ได้

คอนเทนต์ปัจจุบันเน้น เรียลๆ เข้าถึงง่าย

3. ทำคอนเทนต์ หลากหลายรูปแบบยิ่งเยอะ ยิ่งดี ขั้นแรก 30 คอนเทนต์เป็นอย่างต่ำ

ทุกวันนี้ 1 คอนเทนต์ ไม่ช่วยให้ขายได้อีกต่อไป

ยิ่งเยอะ ยิ่งเห็นมุมมองหลากหลาย ยิ่งดี

4. ทำโฆษณา ใครงบน้อย สามารถ ทำออแกนิคได้แต่จะช้านิดนึง แต่ถ้าไวรัลขึ้นมา 1 คลิป เปลี่ยนชีวิตได้เลย เพราะฉะนั้นอย่ายอมแพ้

คนอื่นทำปังได้ เราก็ทำได้

5. ทำต่อเนื่อง อย่ายอมแพ้ ฟังฟีดแบ็คลูกค้าสม่ำๆเสมอ แล้วคอนเทนต์เราจะไม่ตันเลย

ยุคนี้ ยิงแอดเก่งไม่กลัว กลัวคอนเทนต์ แต่ต่อๆไป คอนเทนต์เก่งไม่กลัว กลัว Ai !

เครื่องมือช่วยเราทำคอนเทนต์เยอะมาก

ทำต่อเนื่องอย่าหยุด





การขายสินค้าให้ประสบความสำเร็จต้องใช้การผสมผสานระหว่างกลยุทธ์การขายที่หลากหลายและการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

 
 
 

ความคิดเห็น


Contact us

Social Media

  • Line
  • Facebook
  • Instagram
  • TikTok
  • Youtube

บริษัท ลีฟวิ่ง คลับ จำกัด

เลขที่ 13/64 หมู่ที่ 18 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา

จังหวัดปทุมธานี 12130

bottom of page